fbpx

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีที่สุดประจำปี 2020

iRobot Roomba, Neato, to Eufy

และโมเดลอื่นอีกมากมาย

     ปัจจุบันหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และฉลาดขึ้นกว่าที่มันเคยเป็นมา และนี่คือบรรดารุ่นที่ดีที่สุดที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้

     ในอดีตผมได้แต่จินตนาการถึงบ้านที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้โดยอัติโนมัติ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมเคยจินตนาการไว้จะไม่ได้เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ด้วยความสามารถหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในปัจจุบัน
     แต่ฟังก์ชันที่เพิ่มมาก็แลกกับราคาที่พุ่งขึ้นไปเช่นเดียวกัน ในหุ่นยนต์บางตัวนั้นมีราคาพุ่งขึ้นไปถึงสี่หลัก(usd)เลยทีเดียว การใช้เงินจำนวนมากในระดับนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการฟุ่มเฟือยแต่มันก็ทำให้คุณได้รับหุ่นยนต์ที่มีฟีเจอร์ทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบที่สามารถทำให้หุ่นยนต์ของคุณทำความสะอาดได้หลากหลายห้องมากขึ้น, ระบบในการจดจำพื้นที่(floor plan mapping), ระบบทำความสะอาดตัวถังโดยอัติโนมัติ,เทอร์โบโหมด และฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา
     ผมใช้เวลาไปมากกว่า 120 ชั่วโมงในการทดสอบหุ่นยนต์กว่า 10 ตัวเพื่อหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีที่สุด ในบรรดาเหล่าหุ่นยนต์นั้นมีทั้งรุ่นที่พึ่งปล่อยออกมา รุ่นที่ดีที่สุด รวมถึงเหล่าบรรดาตัวเลือกที่น่าสนใจอื่น ๆที่ถูกนำเสนออย่างแพร่หลายบนร้านค้าปลีกออนไลน์

รุ่นที่ดีที่สุดถ้าคุณมีงบเยอะ
iRobot Roomba S9 Plus

     ถ้ามีใครสักคนบอกให้คุณไปเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาสักเครื่องล่ะก็ iRobot Roomba S9 Plus ในราคา $1,399 ที่มาพร้อมกับความสามารถในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างยอดเยี่ยมนี่แหล่ะคือรุ่นที่คุณควรจะ
เลือกซื้อเก็บไว้
     ในการทดลองหุ่นยนต์ใช้เวลาเฉลี่ยเพียงแค่ 25 นาทีในการทำความสะอาดห้องที่ทำการทดลอง และเมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำความสะอาดทรายบนพื้นไม้พบว่า Roomba สามารถทำความสะอาดได้ถึง 93% และ 71% ในพื้นพรมขนสั้น ซึ่งทั้งสองค่าจัดว่าเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดในการทดสอบเลยทีเดียว แต่เมื่อนำไปทดสอบกับพื้นพรมทอเรียบกลับกลายเป็นว่า Roomba สามารถทำความสะอาดได้เพียงแค่28% เท่านั้น
     Roomba ยังมีความสามารถในการกำจัดขนสัตว์ และสารก่อภูมิแพ้ที่ดีที่สุดในบรรดากลุ่มทดสอบทั้งหมด และตัวหุ่นยนต์เองนั้นยังมีความสามารถในการสำรวจและสร้างแผนที่ ที่สามารถให้คุณกำหนดบริเวณที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์เข้าไปวิ่งได้
     คุณสามารถเชื่อมตัวหุ่นยนต์เข้ากับแอพลิเคชัน Roomba หรือ Wifi ได้ และที่จะลืมกล่าวถึงเลยไม่ได้คือ ตัวแท่นสถานีของ Roomba S9 Plus ที่สามารถใช้เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่และทำความสะอาดถังโดยอัติโนมัติทำให้ชีวิตของคุณง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่อีกต่อไป

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นระดับกลางที่ดีที่สุด The best midrange robot vacuum
Neato Botvac D7 Connected

     ด้วยราคา $647 ที่ต่างกับ Roomba S9 Plus ถึงครึ่งหนึ่ง Neato Botvac D7 Connected มีความสามารถในการกำจัดฝุ่นได้ดีเช่นเดียวกัน ด้วยความสามารถในการทำความสะอาดบนพื้นพรมทอเรียบที่สูงกว่า Roomba ที่ 36%
     Neato Botvac D7 สามารถเอาชนะ S9 ไปได้อย่างหวุดหวิด โดยสามารถทำความสะอาดทรายบนพื้นไม้ได้ถึง 95% แต่เมื่อนำไปทดลองทำความสะอาดบนพื้นพรมขนสั้นกลับพบว่ามีประสิทธิภาพเหลือเพียงแค่ 47%
เท่านั้น
     ถึงแม้ Neato Botvac D7 จะไม่มีความสามารถในการกำจัดขนสัตว์ หรือทำความสะอาดถังโดยอัติโนมัติ แต่ Neato Botvac D7 นี้มีการ built-in เรดาร์ในการทำแผนที่นำทาง ทำให้หุ่นยนต์รุ่นนี้มีระบบการนำทางที่ดีและครอบคลุมพื้นที่มากกว่า คุณสามารถควบคุมตัวหุ่นยนต์ได้ผ่านแอพพลิเคชันของ Neato อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Amazon Alexa และ Google Assistant อีกด้วย ตัวแอพลิเคชันจะทำให้คุณสามารถออกแบบพื้นที่ที่ต้องการให้หุ่นยนต์วิ่งได้ตามใจของคุณ

หุ่นยนต์ที่ราคาดีที่สุด
Eufy Robovac 11S Max

     หุ่นยนต์ตัวนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากก็สามารถซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่แข็งแรงทนทาน ถึงแม้ Eufy จะมีราคาเพียงแค่ 219$ แต่กลับสามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นไม้
     Eufy Robovac 11S สามารถทำความสะอาดทรายได้ถึง 71% ในพื้นไม้ แต่กลับทำความสะอาดได้ไม่ดีนักในพื้นพรมทอเรียบ (21%) และพื้นพรมขนสั้น (27%)
     และด้วยระบบนำทางที่ค่อนข้างจะเป็นระดับพื้นฐานแล้ว ทำให้ตัวหุ่นยนต์ต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมงในการทำความสะอาดห้องที่ทำการทดลอง ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่ก็พูดได้ว่าใช้เวลาได้อย่างเหมาะสมแล้ว
     หุ่นยนต์สามารถทำความสะอาดห้องได้อย่างทั่วถึง แทบจะไม่มีจุดใดเลยที่หุ่นยนต์ Eufy นี้วิ่งไปไม่ถึง อีกทั้งยังมีระบบชาร์ตอัติโนมัติที่ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่อีกต่อไป

วิธีการทดสอบหุ่นยนต์

     วิธีการทดสอบหุ่นยนต์ของเรานั้นตรงไปตรงมา แต่ก็มีความยุ่งยากเช่นเดียวกัน เราแบ่งการทดลองออกเป็นสองส่วนใหญ่
     ส่วนแรกคือการทดลองเพื่อพิจารณาว่าหุ่นยนต์นั้นมีความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่ในการทำความสะอาดได้ดีขนาดไหน เราสร้างห้องทดลองที่มีมาตรฐานทางด้านอุตสาหกรรมจากการรับรองของ International
Electrotechnical Commission(IEC)

 

* IEC คือ หน่วยงานมาตราฐานสากลที่รับผิดชอบจัดการขั้นตอนการทดสอบหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสำหรับผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

(สิ่งกีดขวางที่นำมาใช้ในการทดลองเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมที่หุ่นยนต์จะทำในโลกแห่งความเป็นจริง)

     ภายในห้องทดลองมีการนำวัตถุที่ออกแบบมาเพื่อจำลองสิ่งกีดขวางที่หุ่นยนต์พบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสังเกตเส้นทางการทำความสะอาดของตัวหุ่นยนต์ โดยสิ่งกีดขวางที่ว่านั้นได้แก่กำแพง โต๊ะ ขาเก้าอี้ โซฟา รวมถึงพื้นกระเบื้อง พื้นไม้และพรมด้วย

(ภาพแรเงาที่แสดงเส้นทางการวิ่งของ iRobot Roomba S9 Plus ในห้องทดลอง จะสังเกตว่าสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณกลางห้อง)

     ระหว่างที่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ทำการใช้กล้องเก็บภาพทั้งห้องที่มีความสว่างน้อย โดยเปิดความเร็วชัตเตอร์ค้างไว้เป็นเวลานาน(long exposure) จะได้ภาพที่เป็นเส้นทางเดินของแสงจาก LED ที่อยู่บนตัวหุ่นยนต์แสดงให้เห็นถึงเส้นทางที่หุ่นยนต์ทำงานและการตำแหน่งหัวดูดของหุ่นยนต์

(ภาพแรเงาที่แสดงเส้นทางการวิ่งของ Neato Botvac D7 Connected จะสังเกตว่ามีลักษณะการเดินที่เป็นระเบียบ มีตรรกะและมีประสิทธิภาพมาก)

     ส่วนที่สองคือการทดสอบว่าหุ่นยนต์สามารถทำความสะอาดเศษต่างๆที่อยู่บนพื้นได้ดีขนาดไหน โดยได้ทำการจำลองสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคขนาดเล็กขึ้นมาจากส่วนผสมระหว่าง ทรายวิทยาศาสตร์(play-sand) และทรายที่ใช้สำหรับจัดสวน(landscaping sand) และเราใช้ข้าวสารเพื่อแทนในส่วนสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ หุ่นยนต์จะถูกนำไปปล่อยวิ่งเป็นเส้นตรงผ่านพื้นที่มีผิวสัมผัสต่างกัน ดังนี้ พื้นพรมทอเรียบ พื้นพรมขนสั้น และพื้นไม้

     พวกเราได้ทำการควบคุมความกว้างหัวดูดในแต่ละตัวหุ่นยนต์และสร้างเครื่องมือที่แก้ไขได้ เพื่อช่วยให้เราสามารถวางแถบของสิ่งปนเปื้อนได้อย่างแม่นยำและให้เหมาะกับขนาดหัวดูดของหุ่นยนต์น้ำหนักของสิ่งปนเปื้อนั้นได้มาจากการคำนวณโดยคำนึงถึงชนิดของพื้นสัมผัส ชนิดของสิ่งปนเปื้อน และความกว้างหัวดูดของหุ่นยนต์
     เราทำการทดลองอย่างน้อย 3 ครั้งในแต่ละพื้นผิวสัมผัสด้วยทรายและข้าวสารแยกต่างหาก รวมแล้วทั้งหมดอย่างน้อย 18 รอบในแต่ละตัว โดยก่อนการทดลองในแต่ละรอบนั้นได้มีการชั่งน้ำหนักของตัวถังเพื่อให้สามารถคำนวณเปอร์เซ็นต์ในการเก็บกวาดสิ่งปนเปื้อน และค่าเฉลี่ยที่หุ่นยนต์สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนนั้นได้ นอกจากนี้เรายังทำการทดลองความสามารถในการกำจัดขนสัตว์ของหุ่นยนต์ในแต่ละผิวสัมผัสอีกด้วย
     แผนภาพด้านล่างแสดงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั้งหมดที่เราได้ทำการทดลอง โดยหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะใช้เป็นตัวเลือกในการพิจารณาประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของหุ่นยนต์แต่ละตัวในแต่ละพื้นผิว การทดลองระหว่างการใช้ข้าวสารและสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคขนาดกลางพบว่าไม่มีความแตกต่างมากนักในแต่ละหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าความสามารถในการจัดการสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคขนาดใหญ่นั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก สำหรับกรณีการกำจัดขนสัตว์นั้นจะแยกคิดในอีกกรณี

หมายเหต: ผลลัพธ์นี้ได้มาจากเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของสิ่งปนเปื้อนที่ถูกกำจัดจากพื้นผิวการทดสอบ

เช็คโปรโมชั่น

บทความที่เกี่ยวข้อง

Silicon Valley เมืองแห่ง นวัตกรรม